6 พฤษภาคม 2555

เคล็ดไม่ลับ! เพื่องานพิมพ์ที่มีคุณภาพ

         การจะพิมพ์งานให้ได้ผลลัพธ์ออกมามีคุณภาพที่ดีได้นั้น  เราจะต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายๆ อย่างครับ  บทความนี้ผมก็จะขอแนะนำคุณผู้อ่าน  เกี่ยวกับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้งานพิมพ์ที่ออกมามีคุณภาพสูง  ซึ่งสามารถทำให้คุณภาพงานดีขึ้นได้ง่ายๆ  โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มเลยครับ  ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง  ดังนี้ ครับ

         1. ต้นฉบับหรือรูปภาพที่ต้องการพิมพ์  ต้องมีความคมชัด มีความละเอียดสูง  เช่น หากคุณต้องการพิมพ์ภาพถ่าย  ความละเอียดอย่างน้อยที่ควรใช้คือ 300 dpi  เพื่อให้ภาพที่ออกมาไม่ดูหยาบหรือแตก  ตัวอย่างเช่น  ภาพด้านล่าง ภาพซ้ายจะเป็นภาพที่มีความละเอียดต่ำไม่เหมาะนำมาพิมพ์  ส่วนภาพด้านขวา  มีความละเอียดสูงเหมาะสมสำหรับพิมพ์งาน   หรือหากเป็นต้นฉบับที่มาจากแหล่งอื่นๆ เช่น  เอกสารที่ scan หรือพิมพ์ขึ้นมาใหม่  ก็ต้องให้มีความคมชัดด้วยเช่นกัน


         2. การปรับตั้งค่าในโปรแกรมก่อนสั่งพิมพ์งานให้เหมาะสม
ก่อนที่คุณจะสั่งพิมพ์งานทุกครั้ง  ควรตั้งค่าในโปรแกรมให้เหมาะสมกับงานที่คุณพิมพ์เสียก่อนไม่ว่าจะเป็น  word, excel, photoshop หรือโปรแกรมอื่นๆ  ล้วนแล้วแต่มีการตั้งค่าสำหรับการพิมพ์ทั้งสิ้น (มักจะมีชื่อเมนูว่า print setup)  ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับแต่งสมบัติการพิมพ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับงาน  อาทิ
        
             - การตั้งรูปแบบและขนาดกระดาษ  ซึ่งหากเราตั้งค่าไม่เหมาะสมก็อาจทำให้พิมพ์แล้วเอียง  หรือตกขอบกระดาษได้  หรือพิมพ์ออกมาแล้วผิดแนว
             - จำนวนที่ต้องการพิมพ์,  พิมพ์ทุกหน้าหรือพิมพ์เฉพาะบ้างหน้า
             - การเรียงลำดับหน้า จากหน้าแรกไปหน้าสุดท้ายหรือจากหน้าสุดท้ายมาหน้าแรก
             - การปรับขนาดงานพิมพ์ให้พอดีหน้า (Fit) หรือไม่ (การตั้งค่านี้จะทำให้งานไม่ตรงอัตราส่วนเดิม)
             - การเลือกชนิดของกระดาษที่ต้องการพิมพ์


  
      3. การเตรียมและปรับตั้งค่าของเครื่องพิมพ์  ก่อนที่จะทำการสั่งพิมพ์ก็ควรจะต้องเตรียมเครื่องพิมพ์และปรับตั้งค่าให้เรียบร้อยเสียก่อน  ได้แก่ เปิดและเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์เรียบร้อย  รวมทั้งมีหมึกพิมพ์ที่เพียงพอ  และเครื่องพิมพ์หลายรุ่นในปัจจุบันนี้สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้มากมายเช่น
        
             - คุณภาพของงานพิมพ์  โดยปกติแล้วเครื่องมักจะตั้งค่ามาตรฐานให้เป็นค่าแรก  เราควรเลือกให้พิมพ์ระดับคุณภาพที่สูง  (หากต้องการพิมพ์งานที่เร็วจะทำให้คุณภาพงานพิมพ์ลดลงมา)
             - ชนิดของกระดาษ  ควรเลือกให้ถูกต้องตรงกับชนิดกระดาษที่นำมาพิมพ์
             - การตั้งความเข้มสี  หากต้องการงานพิมพ์ที่มีสีเข้มขึ้นก็ควรปรับตั้งค่าให้สูงขึ้น
             - ความคมชัด  ควรเลือกให้เหมาะสม  หากตั้งความคมชัดสูงเกินไป อาจทำให้รายละเอียดของภาพหายไปบางส่วน  แต่หากตั้งค่าความคมชัดต่ำเกินไป  ภาพก็จะไม่สวย
             - ฟังก์ชันอื่นๆ ตามแต่ละรุ่นของ printer   ในปริ้นเตอร์บางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันที่มากขึ้นเสริมเข้ามาเพื่อให้เราใช้งานได้อย่างสะดวกขึ้น  เช่น  ช่วยปรับลด noise ในภาพ  (ซึ่งควรศึกษาจากคู่มือการใช้งาน printer ที่ท่านใช้)

           4. เลือกกระดาษให้เหมาะสมกับลักษณะงานพิมพ์  การเลือกกระดาษหรือวัสดุการพิมพ์ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งเช่นกันครับ  ที่จะทำให้งานพิมพ์ของเรามีคุณภาพ  คมชัด สีสันสวยสดใสหรือไม่  โดยปกติหากเราพิมพ์เอกสารทั่วๆ ไป ก็สามารถใช้กระดาษ inkjet ตามท้องตลาด  พิมพ์งานออกมาได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับแล้ว (ความหนาประมาณ 70-80 แกรม)


              แต่หากเราต้องการพิมพ์งานเฉพาะอย่าง  เช่น  พิมพ์ภาพถ่ายหรือพิมพ์โปสการ์ด  ก็ควรจะใช้กระดาษเฉพาะสำหรับพิมพ์งานนั้นๆ ด้วย  ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบบให้เลือก  เช่น กระดาษอาร์ตมัน  อาร์ตด้าน กระดาษเคลือบ ฯลฯ  โดยมีคุณภาพหลายระดับ หลายราคา   ซึ่งการที่เราใช้กระดาษให้ถูกต้องกับงานพิมพ์  จะช่วยให้ได้ภาพที่มีสีสันสดใส  คมชัด    แต่หากนำกระดาษที่ไม่เหมาะสมมาพิมพ์  นอกจากจะพิมพ์ได้ไม่สวยเท่าที่ควรแล้ว  ยังอาจเจอปัญหาพิมพ์แล้วเลอะหรือหมึกไม่แห้งอีกด้วย

           5. หมั่นดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ให้อยู่ในสภาพที่ดีอย่างสม่ำเสมอ  ในเครื่องพิมพ์หลายๆ รุ่น จะมีฟังก์ชันในการทำความสะอวดหัวพิมพ์  หรือตรวจสอบอาการเบื้องต้นมาพร้อมด้วยอยู่แล้ว  หากมีปัญหาเล็กน้อย  เช่น งานพิมพ์เป็นเส้น ขาดหาย  ก็ควรตรวจเช็คและทำความสะอาดหัวพิมพ์ทันที  และดูแลรักษาเครื่องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอตามที่ผู้ผลิตแนะนำ  และไม่ควรทิ้งเครื่องพิมพ์โดยไม่ได้ใช้งานนานเกินไป (ประมาณ 2-3 เดือน) เนื่องจากอาจเกิดปัญหาหัวพิมพ์อุดตันได้

          หากทุกท่านลองทำตามข้อแนะนำข้างต้น  ก็จะช่วยให้ได้คุณภาพงานพิมพ์ที่สูงขึ้น  และสามารถใช้งานเครื่องพิมพ์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดด้วยครับ

1 ความคิดเห็น: